วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

IdeaKidShop ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก คุณภาพดี ราคาย่อมเยาว์ มาให้เลือกสรรจ้า


ร้านเสื้อผ้าเด็ก ideakidshop.com จำหน่ายเสื้อผ้าเด็กนำเข้า คุณภาพชั้นนำ ราคาเหมาะสม แม้เราจะไม่มีหน้าร้านแต่รับประกันได้ของชัวร์จ้า
จำหน่ายชุดเด็กนำเข้าสำหรับหนุ่มน้อย หรือเด็กอ่อนพร้อมส่งทุกชิ้น มีมากมายให้ลูกค้าได้เลือกshopกัน
เป็นต้นว่า เสื้อเด็ก กางเกงยีนส์เด็ก ห่วงยางเด็ก ชุดว่ายน้ำเด็ก บอดี้สูทเด็ก ผ้าพันคอเด็ก นอกจากนี้เรายังขาย ของใช้เกี่ยวกับเด็กและอื่นๆ อีกมากมายค่ะ


เสื้อผ้าเด็กและเสื้อเด็กแนวไต้หวันขายปลีกราคาไม่แพง สำหรับคุณแม่แต่งตัวให้ลูกน้อยอินเทรนด์ แวะมาเลยจ้า http://ideakidshop.com

ร้านรวมเสื้อผ้าเด็กแฟชั่นเก๋ไก๋จากเกาหลี ทั้งเสื้อเด็ก เนคไทเด็ก ชุดว่ายน้ำเด็ก บอดี้สูทเด็ก ยีนส์เด็ก รองเท้าเด็ก และอื่นๆ ในราคาย่อมเยาว์ พร้อมส่งทั่วโลก ลองแวะเข้ามาเยี่ยมชมเสื้อผ้าเด็กของเราดูสิคะ แล้วคุณจะติดใจ IdeaKidShop

นอกจากนี้เรายังมี เสื้อผ้าเด็กขายส่ง

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ชุดคลุมท้องนำเข้า คุณภาพดี ราคามิตรภาพ

ร้านขายชุดคลุมท้องที่ดี ควรมีชุดคลุมท้องให้เลือกหลากหลาย คุณภาพดี และที่สำคัญ ราคาเป็นมิตรต่อลูกค้า

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การซื้อเสื้อผ้าเด็ก

การซื้อเสื้อผ้าเด็กมีปัจจัยหลายอย่าง คุณแม่ควรเลือกซื้ออย่างละเอียด ปัจจัยหลักๆที่ควรคำนึงถึงได้แก่
1. คุณภาพ เสื้อผ้าเด็กที่คุณภาพดีจะไม่ย้วย สีไม่ตก
2. ความปลอดภัย ขั้นตอนการผลิต และวัตถุดิบไม่ควรมีส่วนผสมของสารมีพิษ หรืออันตรายต่อลูกน้อย
3. ราคา ข้อนี้ขึ้นกับความพึงพอใจของผู้ซื้อ


นอกจากนี้ การซื้อเสื้อผ้าเด็กให้เหมาะสมกับตัวเด็กยังเป็นอีกสิ่งที่สำคัญ สำหรับเสื้อผ้าเด็กคุณภาพ คุณแม่สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือร้านค้าออนไลน์ที่มีชื่อเสียง อย่าง ร้านเสื้อผ้าเด็ก IdeaKidShop.com ที่มีสินค้าหลากหลายครบถ้วนตามความต้องการของคุณแม่ เป็นต้นว่า เสื้อเด็ก รองเท้าเด็ก กางเกงเด็ก ชุดเด็ก หมวกเด็ก และอื่นๆอีกมากมาย แวะเข้าไปดูก่อนสิคะ

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

วิธีสอนลูกให้เชื่อฟัง

“เด็กสมัยนี้เลี้ยงยากจะตาย พูดยังไงก็ไม่ฟัง” ได้ยินประโยคนี้ทีไร คุณแม่หลายคนบอกว่าช่างโดนใจอะไรเช่นนี้ แต่อยากบอกว่า จริงๆ แล้วการสอนให้ลูกเชื่อฟังนั้นไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เพราะท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านบอกหลักการอบรมเด็กให้เชื่อฟัง เอาไว้ว่า...

+ ทำให้ลูกภูมิใจในความคิดของตัวเอง พ่อ แม่ควรเคารพในความคิดของลูก ทำให้ลูกเกิดความภาคภูมิใจว่าตัวเขาก็สามารถคิดเหมือนกับผู้ใหญ่ได้ จะทำให้พูดคุยหรือสั่งสอนกันได้ง่ายขึ้น โดยที่ลูกไม่รู้สึกกดดัน

+ ออกคำสั่งในรูปคำถาม “ลูกอยากเรียนเปียโนไหม” แทนการสั่งว่า “ลูกต้องเรียนเปียโน” เป็นเหมือนการโยนหินถามทาง ถ้าลูกมีความเห็นตรงกัน ก็ใช้คำตอบนั้นตั้งเงื่อนไขให้เขาทำตามสิ่งที่คิด จะทำให้ลูกมีระเบียบวินัยตัวเอง และฝึกความรับผิดชอบต่อตัวเองด้วย

+ แสดงให้เห็นว่า เราใส่ใจลูกอยู่เสมอ การเอาใจใส่ลูกเป็นสิ่งสำคัญ จะทำให้ลูกรู้สึกถึงความรักความห่วงใย คุณแม่ควรชมเมื่อลูกทำดี และลงโทษเมื่อทำผิดแต่ควรให้เหตุผลก่อนลงโทษด้วย

+ ทำให้ทุกอย่างเป็นของง่ายและสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นมารยาท งานบ้าน หรือการเรียนต้องทำให้เป็นเรื่องง่ายและน่าทำ ไม่ทำให้ลูกรู้สึกว่าเป็นภาระและน่าเบื่อ เพราะลูกจะรู้สึกหนักใจที่ต้องทำ

+ ทำให้ลูกรู้สึกว่า เขาเป็นคนสำคัญ คุณ แม่ควรพูดและทำให้ลูกรู้ว่า เขาคือคนสำคัญของครอบครัวเหมือนกับสมาชิกคนอื่น ซึ่งจะทำให้ลูกมีกำลังใจที่จะทำอะไรด้วยความพยายาม และคิดถึงสมาชิกในครอบครัวมากขึ้น

Source: www.momypedia.com

วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2553

พัฒนาการทางด้านสติปัญญาของเด็กวัยเรียน

พัฒนาการทางด้านสติปัญญาของเด็กวัยเรียน

เด็กวัยเรียนนี้เป็นวัยแห่งการเตรียมพร้อมทั้งด้านร่าง กาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ถ้าเด็กได้รับสิ่งแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาการของเด็กทุก ๆ ด้าน เด็กก็จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับประสบการณ์ใหม่หรือสิ่งแวดล้อมใหม่ได้อย่าง ราบรื่น เด็กในวัยนี้จะมีการเรียนรู้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นวัยที่เข้าโรงเรียน เด็กจะเริ่มเรียนรู้ในสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวก่อนแล้วจึงค่อยเป็นประสบการณ์ไปหา สิ่งแวดล้อมที่อยู่ไกลตัวออกไป สำหรับเด็กที่เริ่มเข้าเรียน จะสามารถเรียนรู้ได้ดี ถ้าทางโรงเรียนได้จัดสิ่งแวดล้อมโดยปล่อยให้เด็กได้มีการเคลื่อนไหว และเข้าร่วมในกิจกรรมต่าง ๆอยู่เสมอ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มหรือเสริมพัฒนาการทางปัญญาของเด็กเป็นอย่างมาก เนื่องจากเด็กประสบสิ่งต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ช่วยหรือก่อให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น อยากทดลอง ค้นคว้าสิ่งเหล่านี้ได้แก่ ภาพยนตร์ โทรทัศน์ ภาพการ์ตูน สิ่งดังกล่าวนี้มี อิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาการของเด็กในด้านอารมณ์ ภาษาและสติปัญญา เด็กวัยเรียนนี้วุฒิภาวะทุกด้านกำลังงอกงามเกือบเต็มที่ ทำให้เด็กมีความสามารถเพิ่มขึ้นอีกหลายด้าน เป็นเพราะเด็กได้เรียนรู้กว้างขวางขึ้นในช่วงนี้ ทำให้เด็กสามารถที่จะคิดและแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวของตัวเอง


พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กวัยเรียนนี้ พอจะแยกรายละเอียดได้ดังต่อไปนี้


อายุ 6 ปี


เด็กวัยนี้ สามารถมองเห็นความแตกต่างระหว่างสิ่งของได้ เช่น ความแตกต่างของลวดลายต่าง ๆ และเกี่ยวกับระยะบางเวลา เข้าใจความหมายของหน้าหลังบนและล่างของตัวเด็ก แต่ไม่เข้าใจระยะใกล้หรือไกลของสาถนที่ เด็กวัยนี้ยังคิดถึงแต่เรื่องปัจจุบัน คิดถึงแต่เรื่องที่ตนเองพัวพันอยู่ด้วย ระยะของความสนใจจะสั้น สนใจการกระทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่จะไม่พอใจความสำเร็จของกิจกรรม
นั้น ๆ เด็กจะกระตือรือร้นทำงานที่เขาสนใจ แต่เมื่อหมดความสนใจจะเลิกทำทันที โดยไม่คำนึงว่างานนั้นจะสำเร็จหรือไม่


อายุ 7 ปี

เด็กวัยนี้จะมี ความอยากรู้อยากเห็น สามารถจำเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ มีความสนใจอยากที่จะทำสิ่งต่าง ๆ และจะพยายามทำให้สำเร็จ รู้จักชอบหรือไม่ชอบสิ่งนั้นสิ่งนี้ ระยะความสนใจยังสั้น จะสนใจสิ่งต่างๆทีละอย่างไม่มากนัก ดังนั้นถ้ามีงานหลายอย่างให้เด็กทำจะแบ่งหรือกำหนดให้เป็นอย่าง ๆ อย่ารวมให้พร้อมกันทีเดียวจะทำให้เด็กเบื่อ

อายุ 8 ปี

เด็กวัยนี้จะมีความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้น เด็กจะสนใจซักถามมากขึ้น ชอบทำงานใหม่ ๆ ในสิ่งที่ตนไม่เคยทำมาก่อน ระยะของความสนใจจะนานขึ้น มีความสนใจประกอบงานจนสำเร็จ มีความพิถีพิถันในการทำงาน สนใจที่จะรับคำแนะนำที่จะทำให้ดีขึ้น สามารถเข้าใจคำชี้แจงง่าย ๆ มีความสนใจในการเล่นต่าง ๆ เด็กชายจะชอบเล่นกันรุนแรง เด็กหญิงจะชอบเล่นแบบผู้หญิง มีความสามารถแสดงละครง่าย ๆ ได้ เด็กวัยนี้จะสนใจ วาดรูปภาพ ดูภาพยนตร์ โทรทัศน์ การ์ตูน ฟังวิทยุ และชอบนิทาน สนใจในการสะสมสิ่งของ

อายุ 9 ปี

เด็กวัยนี้เป็น วัยที่รู้จักใช้เหตุผล การตอบคำถามก็ตอบอย่างมีเหตุผล มีความรู้ในด้านภาษา และความรู้รอบตัวกว้างขวางขึ้น ชอบอ่านหนังสือที่กล่าวถึงข้อเท็จจริง การแก้ปัญหาสามารถแก้ปัญหาและรู้จักหาเหตุผลโดยอาศัยการสังเกต ในวัยนี้ต้องการอิสรภาพเพิ่มขึ้น สนใจที่จะเก็บสะสมสิ่งของ และจะเลียนแบบการกระทำต่าง ๆ ของคนอื่น

อายุ 10 ปี

วัยนี้เป็นวัย ที่สมองกำลังพัฒนาเต็มที่ การเรียน การหาเหตุผล ความคิดและการแก้ปัญหาดีขึ้น สามารถตัดสินใจด้วยตนเอง และตัดสินใจอย่างไตร่ตรอง ไม่ทำอย่างหุนหันพลันแล่น มีความคิดริเริ่ม เด็กชายชอบเรียนดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เด็กหญิงจะสนใจเกี่ยวกับการเรือน การสร้างมโนภาพเกี่ยวกับเวลา แม่นยำและกว้างขวางขึ้น ทำให้สามารถศึกษาประวัติศาสตร์สำคัญ วัน เดือนปี ได้ สามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆได้อย่างรวดเร็ว

อายุ 11-12 ปี

เด็กวัยนี้จะมีเพื่อนพวกวัยเดียวกัน การเล่นจะเล่นเป็นกลุ่ม พวกที่มีวุฒิภาวะสูงจะเริ่มแสดงความสนใจในเพศตรงข้าม สนใจกีฬาที่เป็นทีม กิจกรรมกลางแจ้ง สัตว์เลี้ยง งานอดิเรก หนังสือ การ์ตูน สนใจที่จะหารายได้ อาจกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ และชอบการวิพากษ์วิจารณ์ เป็นคนที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ จะเห็นว่าความคิดเห็นของหมู่คณะมีค่ามากกว่าผู้ใหญ่และจะมีความกังวล และเอาใจใส่อยู่กับการเปลี่ยนแปลงของ ร่างกาย และต้องการความช่วยเหลือและให้ผู้อื่นเข้าใจและยอมรับในการเปลี่ยนแปลงของตน ด้วย

source: http://www.popcare.com

วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553

การเจริญเติบโตทางด้านร่างกายและพัฒนาการของเด็ก 1 เดือน - 1 ปี

อายุ 1 เดือน

- น้ำหนักของเด็กทารก เท่ากับ 3 3.5 กิโลกรัม น้ำหนักจะเพิ่มประมาณ 1/8 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ใน 6 เดือนแรก

- ความสูง แรกเกิดจะสูงประมาณ 50 เซนติเมตร จะเพิ่มประมาณ 1 นิ้วต่อเดือน ใน 6 เดือนแรก

- ชีพจร จะเต้น 120-150 ครั้งต่อนาที

- การหายใจ ประมาณ 30-60 ครั้งต่อนาที

การเคลื่อน ไหว (Motor Control)

- คอยังไม่แข็ง ต้องช่วยพยุงขณะอุ้ม เมื่อจับทารกนอนคว่ำทารกจะพยายามยกศีรษะขึ้นได้เล็กน้อย

- มอง วัตถุที่เคลื่อนไหวได้แต่อยู่ในสายตาเท่านั้น การมอง รอบ ๆ ตัวยังไม่มีความหมายเพราะการพัฒนายังไม่ดีพอ

การออก เสียงและด้าน ร่างกาย (Vocalization And Socialization)

- ออกเสียได้บ้างแต่อยู่ในลำคอ การยิ้ม ยังไม่มีความหมาย จะร้องให้เมื่อรู้สึกหิว หรือผ้าอ้อมเปียกชื้น ทารกจะนอนเสียเป็นส่วนใหญ่

- ถ้า จับนอนคว่ำจะใช้เท้าถีบที่นอน

- เมื่อ จับทารกยืนจะแสดง คานซ์ รีเฟลกซ์

-จะแสดง โทนิค เนค รีเฟลกซ์ ได้ดี

อายุ 2 เดือน

-น้ำหนัก 4.8 5.1 กิโลกรัม

-ความสูง 58 เซนติเมตร

-กระหม่อมหลังปิด

การเคลื่อน ไหว (Motor Control)

-จับนอน คว่ำจะยกศีรษะขึ้น

-โทนิค เนค และ มอโร รีเฟลกซ์ จะหายไป

-สามารถพลิกตะแคงตัวได้

-ถือของเล่นได้ไม่นานนัก

-มองตามแสงหรือวัตถุ

การออก เสียงและด้าน สังคม

-ยิ้มอย่างมี ความหมาย และจะ ยิ้มตอบเมื่อมารดายิ้มให้ก่อน

-สามารถเรียนรู้การเรียก ร้องความสนใจจากมารดา เช่น เมื่อร้องไห้จะมีผู้มาหาและสนองตอบความต้อง การของเขา เสียงของร้องไห้ จะแตกต่างไปตามเหตุผล และจะ ร้องไห้เมื่อหิวง่วงนอน เจ็บปวด

-เมื่อมีผู้คุยด้วยจะสนใจ

อายุ 3 เดือน

-น้ำหนักตัวประ มาร 5.5-6 กิโลกรัม

-ส่วนสูงประมาณ 59-60 เซนติเมตร

การเคลื่อน ไหว (Motor Control)

- จะมีการเคลื่อน ไหวมากขึ้น มีการเอื้อม มือไปหาวัตถุใกล้ ๆ แต่นิ้วมือยังไม่ทำงาน นับเป็นการเคลื่อนไหว เริ่มแรกที่แสดงถึงความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมมาก ถ้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้ช่วยทางด้านการเคลื่อน ไหวของทารกแรกเกิดแล้วจะปรากฏ ว่าลักษณะเอื้อมไปสู่สิ่งของจะไม่ปรากฏเป็นเวลาถึง 5 เดือน ในระยะเวลา 3 เดือนนี้ เงที่การปรับ ตัวของเล็นซ์นัยน์ ตาจะมีความสมบูรณ์ที่สุด

- สามารถชันคอได้ มีคนหยอกล้อด้วยจะยิ้มรับ

- เล่นมือและนิ้ว ได้

อายุ 4 เดือน

- น้ำหนักตัวประมาณ 6.2-6.3 กิโลกรัม

- ส่วนสูงประมาณ 61-63 เซนติเมตร

การเคลื่อน ไหว

- จะมีการกลิ้ง ตัวจากด้านหลังมาด้านหน้า พลิกตะแคงตัวได้คล่อง

- สามารถชันคอได้ คอแข็ง เมื่อจับนั่ง

- จับของใส่ ปากได้

การออก เสียงและด้าน สังคม

- หัวเราะเสียงดัง ยิ้มตอบเมื่อมีผู้ยิ้มให้

- ชอบคุยอ้อแอ้ และมี ความสุขเมื่อมีผู้มาคุยด้วย

- ต้องการความสนใจจากสมาชิกในครอบครัว

- มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เช่น คุยและร้องไห้

อายุ 5 เดือน

- น้ำหนักจะเป็น 2 เท่าของแรก เกิด ประมาณ 6.3 7.0 กิโลกรัม

- ความสูงประมาณ 63-65 เซนติเมตร

การเคลื่อนไหว

- จับทารกให้นั่งตักได้

- ถือขวดนมดูดเองได้

- พลิกคว่ำได้

- เล่นของเล่นมากขึ้น

การออก เสียงและด้าน สังคม

- ชอบออกเสียงอ้อ ๆ แอ้ ๆ

- จะร้องไห้แสดงความไม่พอใจ

- เมื่อไม่ได้ของตาม ต้องการจะร้อง และดิ้น

- จะแยกออกว่าผู้ใดคุ้นเคยหน้าและไม่คุ้นหน้า

อายุ 6 เดือน

- น้ำหนักตัวประมาณ 7.1 7.2 กิโลกรัม

- ความสูงประมาณ 65-66 เซนติเมตร

การเคลื่อน ไหว

- ทารกจะหมุนได้รอบตัว เริ่มคืบและนอน คว่ำได้

- เอื้อมมือสัมผัสสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวได้

- ชอบถือและเขย่า ของเล่นที่มีเสียงดัง

การออก เสียงและด้าน สังคม

- จะมีการแสดงออกของอารมณ์ รื่นเริง เช่น หัวเราะหรือทำเสียงอ้อ แอ้ จะร้องไห้แสดงความไม่พอใจ

- เริ่มรู้จักคนแปลกหน้า แต่จะเกิดความกลัวคนแปลกหน้า

- อยากให้บุคคลที่ตนรู้จักมาอยู่ใกล้ ๆ

อายุ 7 เดือน

การเคลื่อน ไหว

- สามารถนั่งเองได้ตามลำพังแต่นั่งได้ประเดี๋ยวเดียว

- ชอบเล่นเท้าและจับเท้าใส่ปาก

- เอื้อมมือไปจับของเล่นและมือด้วยมือเดียว

- เปลี่ยนมือกันถือของได้

- พลิกคว่ำพลิกหงายตัวได้เอง

การออก เสียงและด้าน สังคม

- ชอบทำเสียง อ้อ ๆ แอ้ ๆ

- เวลาร้องไห้ออกเสียง แม แม แม

อายุ 8 เดือน

การเคลื่อน ไหว

- นั่งได้เองและนาน

- คืบได้โดยดันตัวไปข้างหน้าด้วยแขนทั้ง 2 ข้าง

- ใช้นิ้วได้อย่างเต็มที่ โดยใช้นิ้วมือหยิบวัตถุ

- หัดป้อนอาหารตนเองได้โดยใช้ช้อน

การออก เสียงและด้าน สังคม

- อารมณ์เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

- แสดงความรักด้วยการโอบกอด

อายุ 9 เดือน

การเคลื่อน ไหว

- สามารถนั่งได้และมีการประสาน งานของกล้ามเนื้อได้ดี

- ใช้มือถือขวดนมใส่ปากได้ สามารถดึงหัวนมเข้าและออกจากปากได้ตามความ ต้องการ

- แสดงความถนัดของมือ ข้างใดข้างหนึ่ง

- คลานได้ดีโดยใช้แขนและขาส่วนลำตัวขนานกับพื้น ห้อง เด็กบางคน จะคลานไม่ได้ ถ้าเกิดการเจ็บ ป่วย แต่เด็กบาง คนจะคลานได้ตั้งแต่อายุ 4 เดือน แต่เด็กส่วน มากจะคลานได้เมื่อประมาณ อายุ 9 เดือน

- สามารถใช้มือยึดเก้าอี้และโต๊ะได้

การออก เสียงและด้าน สังคม

- แสดงการออก เสียงแบบด้วยการพูด จ๊ะ จ๋า และออก เสียงอื่น ๆ

จะสนองตอบต่อผู้ที่แสดงความไม่พอใจโกรธเมื่อถูกดุจะร้องไห้

อายุ 10 เดือน

การเคลื่อน ไหว

- นั่งเป็นเวลานาน ไม่ชอบนอน ยกเว้นเมื่อง่วงนอน

- หัดเดินเมื่อมีคนช่วยจูง สามารถยืนเกาะได้ถ้ามีสิ่งยึด

- สามารถคลานได้อย่างรวดเร็ว และเกาะ เดินตามลูกกรงเตียงได้

สามารถเก็บและจับวัตถุมาถือได้ และใช้ นิ้วมือแหย่หรือเคาะเล่นได้

-สามารถหยิบขนมหรืออาหารอื่น ๆ เข้าปากได้

-สามารถใช้นิ้วและนิ้วหัวแม่มือได้

การออก เสียงและด้าน สังคม

-พูดได้ 1 คำหรือ 2 คำ ตามคนเลี้ยง

-สนใจเมื่อมีผู้เรียกชื่อตนเอง

-เล่นเกมส์ง่าย ๆ ได้ โบกมือไปมาได้

อายุ 11 เดือน

การเคลื่อน ไหว

-ยืนได้โดยจับมือมารดา หรือหัดยืนด้วยตนเอง

-สามารถนั่งเล่นตามลำพังได้เป็นเวลานานๆ

อายุ 12 เดือน

-น้ำหนักจะเป็น 3 เท่าของแรก เกิด ประมาณ 9 กิโลกรัม (21-22 ปอนด์)

-สูง 29 นิ้ว หรือประมาณ 71-74 เซนติเมตร

-เส้นรอบศีรษะกับหน้าอกจะเท่ากัน

-มีฟัน 6 ซี่

-ชีพจร 100-140 ครั้งต่อนาที

-การหายใจ 20-40 ครั้งต่อนาที

การเคลื่อน ไหว

-ยืนได้ตามลำพัง

-เดินได้เมื่อมีคนจูงเดิน เกาะเก้าอี้เดินได้

-จับดินสอสีและขีดบนกระดาษได้

การออก เสียงและด้าน สังคม

-สามารถพูดได้ 2 คำติดต่อกัน เช่น พ่อ พ่อ แม่ แม่

-จำชื่อตนเองได้

-ชอบพูดคุยคนเดียวหรือกับคนที่อยู่ใกล้ตัวเขา

-เข้าใจคำห้ามต่าง ๆ เช่น อย่า, ไม่

-สนใจต่อตนเองเท่านั้น

-แสดงความอิจฉา พอใจโกรธ

Source: http://www.popcare.com

การเจริญเติบโตของเด็กแรกเกิด-1เดือน

วัยแรกเกิด (The Newborn)

หมายถึงทารกที่คลอด ใหม่จนถึง 1 เดือน หรือ 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นวัยที่มีความสำคัญมากของมนุษย์และเป็นวัยที่เริ่มเรียนรู้ที่จะเข้าใจหรือไม่ ไว้ ใจในสภาพแวดล้อม การเจริญเติบโตใน วัยทารกนี้มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การเจริญเติบโตและการพัฒนา ต่างๆ ซึ่งจะกล่าวเรียงลำดับดังนี้

การเจริญเติบโตทาง ร่างกาย

น้ำหนัก (Weight) เด็กคลอด ครบกำหนดจะมีน้ำหนักแรกเกิดของเด็กไทย เฉลี่ย 2500-3000 กรัม ในระยะ 2-3 วันแรกของชีวิต น้ำหนักจะลดลงได้ประมาณ 5-10 % ของน้ำหนักตัวแรกเกิด ทั้งนี้เนื่องจากทารกได้อาหารน้อย มีการเสีย น้ำออกจากร่างกายมากทั้งทางอุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อ และการหายใจ และจะ เริ่มขึ้นเมื่ออายุได้ 3 วันไปแล้ว และจะ ขึ้นเท่าน้ำหนักแรกเกิดเมื่อ อายุประมาณ 7-10 วัน ต่อไปน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ใน 3 เดือนแรกจะขึ้น ประมาณวันละ 1 ออนซ์ หรือ 30 กรัม

Special senses

- Touch เด็กจะมีความ รู้สึกต่อการสัมผัส โดยเฉพาะที่ปาก ลิ้น หู หน้าผาก เด็กแรกเกิดปกติจะ respond ต่อการอุ้ม ถ้าเด็กไม่ งับหัวนมเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าอาจมี brain damage

- Sight ตาจะเป็นสีน้ำเงินหรือเทา เมื่อแรกเกิดและจะ เปลี่ยนเป็นสีปกติเมื่ออายุ 3-6 เดือน การเคลื่อน ไหวของตา จะไม่สอดคล้องกัน ตาจะกลอกไปมาเป็นการยากที่จะทราบว่าเด็กมอง เห็นหรือไม่ pupil จะ react ต่อแสงไม่ ชอบแสงสว่างจ้าและยังไม่มีน้ำตาปรากฏชัดเจน กว่าอายุ 3-4 สัปดาห์ ถ้าตาเปิดได้ครึ่งเดียว บวม มีหนองไหลอาจเกิดการระคาย เคืองจาก AgNO3 หรือมีการติด เชื้อเกิดขึ้น

- Hearing เด็กจะไม่ได้ ยินจนกว่าจะร้องไห้ครั้งแรก การทดสอบ ว่าเด็กได้ ยินหรือไม่กโดยการสั่น กระดิ่งถ้าเขาได้ย ินจะมี activity เพิ่มขึ้น จะมีการเคลื่อน ไหวแขนขา และตา ปกติจะ Respond ต่อเสียงประมาณอายุ 3-7 วัน

- Taste จะรู้รสได้เป็็นอย่างดี และมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว จะยอมรับอาหารเหลวรสหวาน จะไม่ยอมรับอาหารที่มีรสเปรี้ยวหรือขม

- Smell จะได้ กลิ่นนมแม่และหัน เข้าหาหัวนม

Skin sensations

เด็กจะมีความ รู้สึกต่อการสัมผัส , ความกดดัน, อุณหภูมิ, ความเจ็บปวด ได้ตั้งแต่แรกเกิด

- organic sensation เด็กทารก จะมีความรู้สึกต่อ ออร์แกนิค สติมูเลชั่น เช่น การหิว กระหายจะเป็นสาเหตุปกติที่ทำให้เด็กร้อง เด็กที่ อายุประมาณ 2-3 สัปดาห์ อาจจะมีการปวด ท้องเนื่องจากมีลมในลำไส้มากได้

การนอน หลับ

เด็กแรกเกิดส่วน ใหญ่จะนอนวันละประมาณ 15-20 ชม. จะตื่นเป็นระยะเวลาสั้นๆ เมื่อได้รับการกระตุ้นจากภายใน เช่น หิว เจ็บปวด หรือกระตุ้นจากภายนอก เช่น เปียกแฉะ เป็นต้น เมื่อเด็กโต ขึ้นก็จะตื่นนานขึ้น

ภูมิต้านทานโรค

- แอนติบอดี้ ของโรค ต่าง ๆ จะผ่านทารก ไปยังเด็กระหว่าง ที่เด็กอยู่ ในครรภ์มารดา เช่น ฝีดาษ, คางทูม, คอตีบ และหัด ถ้ามารดาเคยเป็นโรคดังกล่าวมาก่อน ภูมิต้านทานที่ได้รับจากมารดานี้จะอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์จนถึงหลายเดือน เด็กแรกเกิดอาจเกิดโรคสุก ใส และ ไอกรนได้ เนื่องจากมีภูมิต้านทานโรคเพียงเล็กน้อย ในเด็กแรกเกิดจะเกิดการติด เชื้อลุกลามและมีโรคแทรกซ้อนได้ง่าย

พัฒนาการทางด้านจิตใจและอารมณ์

เด็กแต่ละคนมีลักษณะพื้นฐานทางนิสัยที่ติด ตัวมาตั้งแต่เกิดเป็นแบบ ประจำตัวของแต่ ละคนไม่เหมือนกัน แม้ในพี่น้องท้องเดียวกันก็ยังมีนิสัยต่างกันไป การเจริญเติบโตทาง จิตใจเป็นผลเนื่องมาจากการเลี้ยงดูอบรมเด็กได้รับจากบิดามารดาหรือสภาพแวด ล้อม มารดาจึงเป็นผู้ที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับเด็กทุก วัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กตั้งแต่แรกเกินจนถึง 6 ขวบ จึงเป็นวัยที่อุปนิสัยใจคอเริ่มก่อตัวฝังแน่นอยู่ในใจของเด็ก เด็กต้อง การความรักเท่า ๆ กับอาหาร เด็กเจ็บ ป่วยเพราะถูกทอดทิ้งก็มีมากบางคนป่วยเพราะต้องการความรัก ความเอาใจใส่จากแม่ หรือเพราะแม่ให้ไม่เพียงพอ การพัฒนา ทางด้านอารมณ์ จะทำให้เราเห็นการสนองตอบที่ไม่เหมือนกัน เมื่อเด็กก้าว จากวัยหนึ่งมาสู่วัยหนึ่ง การเจริญเติบโตและพัฒนาการทาง จิตใจและอารมณ์ ที่ปกติจะนำไปสู่ความเป็นผู้มีบุคลิกดี คือเป็นผู้ที่มีอารมณ์มั่นคง เป็นผู้ใหญ่เพียงพอ รู้ตัวเมื่อทำอะไรผิดพลาด อยู่ในสังคมได้ด้วยความสุข และเป็น ตัวของตัว เอง

อารมณ์ของทารกแรกเกิด มีอยู่ 2 ประเภท คือ อารมณ์ชื่นบาน และอารมณ์ ไม่แจ่มใสหรืออารมณ์โกรธ โดยที่ทารกได้รับการเปลี่ยนท่านอนอย่างรวด เร็วไม่นุ่มนวลถูกจับตรึงไม่ให้ กระดุกกระดิก หรือได้ยินเสียงดัง ไม่ได้รับการอุ้ม ชู และการเจ็บ ป่วย ทารกจะร้องไห้ เมื่อทารกรู้จักชื่นบาน เมื่อได้รับการตอบสนองทางด้านความต้องการทาง ร่างกาย การสัมผัส อย่างนุ่มนวล การกอด รัด เห่ กล่อม และให้ อาหาร ทารกจะมีอารมณ์ชื่นบานโดยแสดงสีหน้าอย่างมีความสุข

Source: http://www.popcare.com