วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
IdeaKidShop ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก คุณภาพดี ราคาย่อมเยาว์ มาให้เลือกสรรจ้า
ร้านเสื้อผ้าเด็ก ideakidshop.com จำหน่ายเสื้อผ้าเด็กนำเข้า คุณภาพชั้นนำ ราคาเหมาะสม แม้เราจะไม่มีหน้าร้านแต่รับประกันได้ของชัวร์จ้า
จำหน่ายชุดเด็กนำเข้าสำหรับหนุ่มน้อย หรือเด็กอ่อนพร้อมส่งทุกชิ้น มีมากมายให้ลูกค้าได้เลือกshopกัน
เป็นต้นว่า เสื้อเด็ก กางเกงยีนส์เด็ก ห่วงยางเด็ก ชุดว่ายน้ำเด็ก บอดี้สูทเด็ก ผ้าพันคอเด็ก นอกจากนี้เรายังขาย ของใช้เกี่ยวกับเด็กและอื่นๆ อีกมากมายค่ะ
เสื้อผ้าเด็กและเสื้อเด็กแนวไต้หวันขายปลีกราคาไม่แพง สำหรับคุณแม่แต่งตัวให้ลูกน้อยอินเทรนด์ แวะมาเลยจ้า http://ideakidshop.com
ร้านรวมเสื้อผ้าเด็กแฟชั่นเก๋ไก๋จากเกาหลี ทั้งเสื้อเด็ก เนคไทเด็ก ชุดว่ายน้ำเด็ก บอดี้สูทเด็ก ยีนส์เด็ก รองเท้าเด็ก และอื่นๆ ในราคาย่อมเยาว์ พร้อมส่งทั่วโลก ลองแวะเข้ามาเยี่ยมชมเสื้อผ้าเด็กของเราดูสิคะ แล้วคุณจะติดใจ IdeaKidShop
นอกจากนี้เรายังมี เสื้อผ้าเด็กขายส่ง
วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
ชุดคลุมท้องนำเข้า คุณภาพดี ราคามิตรภาพ
วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
การซื้อเสื้อผ้าเด็ก
1. คุณภาพ เสื้อผ้าเด็กที่คุณภาพดีจะไม่ย้วย สีไม่ตก
2. ความปลอดภัย ขั้นตอนการผลิต และวัตถุดิบไม่ควรมีส่วนผสมของสารมีพิษ หรืออันตรายต่อลูกน้อย
3. ราคา ข้อนี้ขึ้นกับความพึงพอใจของผู้ซื้อ
นอกจากนี้ การซื้อเสื้อผ้าเด็กให้เหมาะสมกับตัวเด็กยังเป็นอีกสิ่งที่สำคัญ สำหรับเสื้อผ้าเด็กคุณภาพ คุณแม่สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือร้านค้าออนไลน์ที่มีชื่อเสียง อย่าง ร้านเสื้อผ้าเด็ก IdeaKidShop.com ที่มีสินค้าหลากหลายครบถ้วนตามความต้องการของคุณแม่ เป็นต้นว่า เสื้อเด็ก รองเท้าเด็ก กางเกงเด็ก ชุดเด็ก หมวกเด็ก และอื่นๆอีกมากมาย แวะเข้าไปดูก่อนสิคะ
วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553
วิธีสอนลูกให้เชื่อฟัง
+ ทำให้ลูกภูมิใจในความคิดของตัวเอง พ่อ แม่ควรเคารพในความคิดของลูก ทำให้ลูกเกิดความภาคภูมิใจว่าตัวเขาก็สามารถคิดเหมือนกับผู้ใหญ่ได้ จะทำให้พูดคุยหรือสั่งสอนกันได้ง่ายขึ้น โดยที่ลูกไม่รู้สึกกดดัน
+ ออกคำสั่งในรูปคำถาม “ลูกอยากเรียนเปียโนไหม” แทนการสั่งว่า “ลูกต้องเรียนเปียโน” เป็นเหมือนการโยนหินถามทาง ถ้าลูกมีความเห็นตรงกัน ก็ใช้คำตอบนั้นตั้งเงื่อนไขให้เขาทำตามสิ่งที่คิด จะทำให้ลูกมีระเบียบวินัยตัวเอง และฝึกความรับผิดชอบต่อตัวเองด้วย
+ แสดงให้เห็นว่า เราใส่ใจลูกอยู่เสมอ การเอาใจใส่ลูกเป็นสิ่งสำคัญ จะทำให้ลูกรู้สึกถึงความรักความห่วงใย คุณแม่ควรชมเมื่อลูกทำดี และลงโทษเมื่อทำผิดแต่ควรให้เหตุผลก่อนลงโทษด้วย
+ ทำให้ทุกอย่างเป็นของง่ายและสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นมารยาท งานบ้าน หรือการเรียนต้องทำให้เป็นเรื่องง่ายและน่าทำ ไม่ทำให้ลูกรู้สึกว่าเป็นภาระและน่าเบื่อ เพราะลูกจะรู้สึกหนักใจที่ต้องทำ
+ ทำให้ลูกรู้สึกว่า เขาเป็นคนสำคัญ คุณ แม่ควรพูดและทำให้ลูกรู้ว่า เขาคือคนสำคัญของครอบครัวเหมือนกับสมาชิกคนอื่น ซึ่งจะทำให้ลูกมีกำลังใจที่จะทำอะไรด้วยความพยายาม และคิดถึงสมาชิกในครอบครัวมากขึ้น
Source: www.momypedia.com
วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2553
พัฒนาการทางด้านสติปัญญาของเด็กวัยเรียน
พัฒนาการทางด้านสติปัญญาของเด็กวัยเรียน
เด็กวัยเรียนนี้เป็นวัยแห่งการเตรียมพร้อมทั้งด้านร่าง กาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ถ้าเด็กได้รับสิ่งแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาการของเด็กทุก ๆ ด้าน เด็กก็จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับประสบการณ์ใหม่หรือสิ่งแวดล้อมใหม่ได้อย่าง ราบรื่น เด็กในวัยนี้จะมีการเรียนรู้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นวัยที่เข้าโรงเรียน เด็กจะเริ่มเรียนรู้ในสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวก่อนแล้วจึงค่อยเป็นประสบการณ์ไปหา สิ่งแวดล้อมที่อยู่ไกลตัวออกไป สำหรับเด็กที่เริ่มเข้าเรียน จะสามารถเรียนรู้ได้ดี ถ้าทางโรงเรียนได้จัดสิ่งแวดล้อมโดยปล่อยให้เด็กได้มีการเคลื่อนไหว และเข้าร่วมในกิจกรรมต่าง ๆอยู่เสมอ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มหรือเสริมพัฒนาการทางปัญญาของเด็กเป็นอย่างมาก เนื่องจากเด็กประสบสิ่งต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ช่วยหรือก่อให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น อยากทดลอง ค้นคว้าสิ่งเหล่านี้ได้แก่ ภาพยนตร์ โทรทัศน์ ภาพการ์ตูน สิ่งดังกล่าวนี้มี อิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาการของเด็กในด้านอารมณ์ ภาษาและสติปัญญา เด็กวัยเรียนนี้วุฒิภาวะทุกด้านกำลังงอกงามเกือบเต็มที่ ทำให้เด็กมีความสามารถเพิ่มขึ้นอีกหลายด้าน เป็นเพราะเด็กได้เรียนรู้กว้างขวางขึ้นในช่วงนี้ ทำให้เด็กสามารถที่จะคิดและแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวของตัวเองพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กวัยเรียนนี้ พอจะแยกรายละเอียดได้ดังต่อไปนี้
อายุ 6 ปี
เด็กวัยนี้ สามารถมองเห็นความแตกต่างระหว่างสิ่งของได้ เช่น ความแตกต่างของลวดลายต่าง ๆ และเกี่ยวกับระยะบางเวลา เข้าใจความหมายของหน้าหลังบนและล่างของตัวเด็ก แต่ไม่เข้าใจระยะใกล้หรือไกลของสาถนที่ เด็กวัยนี้ยังคิดถึงแต่เรื่องปัจจุบัน คิดถึงแต่เรื่องที่ตนเองพัวพันอยู่ด้วย ระยะของความสนใจจะสั้น สนใจการกระทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่จะไม่พอใจความสำเร็จของกิจกรรม
อายุ 7 ปี
เด็กวัยนี้จะมี ความอยากรู้อยากเห็น สามารถจำเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ มีความสนใจอยากที่จะทำสิ่งต่าง ๆ และจะพยายามทำให้สำเร็จ รู้จักชอบหรือไม่ชอบสิ่งนั้นสิ่งนี้ ระยะความสนใจยังสั้น จะสนใจสิ่งต่างๆทีละอย่างไม่มากนัก ดังนั้นถ้ามีงานหลายอย่างให้เด็กทำจะแบ่งหรือกำหนดให้เป็นอย่าง ๆ อย่ารวมให้พร้อมกันทีเดียวจะทำให้เด็กเบื่อ
เด็กวัยนี้จะมีความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้น เด็กจะสนใจซักถามมากขึ้น ชอบทำงานใหม่ ๆ ในสิ่งที่ตนไม่เคยทำมาก่อน ระยะของความสนใจจะนานขึ้น มีความสนใจประกอบงานจนสำเร็จ มีความพิถีพิถันในการทำงาน สนใจที่จะรับคำแนะนำที่จะทำให้ดีขึ้น สามารถเข้าใจคำชี้แจงง่าย ๆ มีความสนใจในการเล่นต่าง ๆ เด็กชายจะชอบเล่นกันรุนแรง เด็กหญิงจะชอบเล่นแบบผู้หญิง มีความสามารถแสดงละครง่าย ๆ ได้ เด็กวัยนี้จะสนใจ วาดรูปภาพ ดูภาพยนตร์ โทรทัศน์ การ์ตูน ฟังวิทยุ และชอบนิทาน สนใจในการสะสมสิ่งของ
อายุ 9 ปี
เด็กวัยนี้เป็น วัยที่รู้จักใช้เหตุผล การตอบคำถามก็ตอบอย่างมีเหตุผล มีความรู้ในด้านภาษา และความรู้รอบตัวกว้างขวางขึ้น ชอบอ่านหนังสือที่กล่าวถึงข้อเท็จจริง การแก้ปัญหาสามารถแก้ปัญหาและรู้จักหาเหตุผลโดยอาศัยการสังเกต ในวัยนี้ต้องการอิสรภาพเพิ่มขึ้น สนใจที่จะเก็บสะสมสิ่งของ และจะเลียนแบบการกระทำต่าง ๆ ของคนอื่น
วัยนี้เป็นวัย ที่สมองกำลังพัฒนาเต็มที่ การเรียน การหาเหตุผล ความคิดและการแก้ปัญหาดีขึ้น สามารถตัดสินใจด้วยตนเอง และตัดสินใจอย่างไตร่ตรอง ไม่ทำอย่างหุนหันพลันแล่น มีความคิดริเริ่ม เด็กชายชอบเรียนดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เด็กหญิงจะสนใจเกี่ยวกับการเรือน การสร้างมโนภาพเกี่ยวกับเวลา แม่นยำและกว้างขวางขึ้น ทำให้สามารถศึกษาประวัติศาสตร์สำคัญ วัน เดือนปี ได้ สามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆได้อย่างรวดเร็ว
อายุ 11-12 ปี
เด็กวัยนี้จะมีเพื่อนพวกวัยเดียวกัน การเล่นจะเล่นเป็นกลุ่ม พวกที่มีวุฒิภาวะสูงจะเริ่มแสดงความสนใจในเพศตรงข้าม สนใจกีฬาที่เป็นทีม กิจกรรมกลางแจ้ง สัตว์เลี้ยง งานอดิเรก หนังสือ
source: http://www.popcare.com
วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553
การเจริญเติบโตทางด้านร่างกายและพัฒนาการของเด็ก 1 เดือน - 1 ปี
อายุ 1 เดือน
- น้ำหนักของเด็กทารก เท่ากับ 3 – 3.5 กิโลกรัม น้ำหนักจะเพิ่มประมาณ 1/8 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ใน 6 เดือนแรก
- ความสูง แรกเกิดจะสูงประมาณ 50 เซนติเมตร จะเพิ่มประมาณ 1 นิ้วต่อเดือน ใน 6 เดือนแรก
- ชีพจร จะเต้น 120-150 ครั้งต่อนาที
- การหายใจ ประมาณ 30-60 ครั้งต่อนาที
การเคลื่อน ไหว (Motor Control)
- คอยังไม่แข็ง ต้องช่วยพยุงขณะอุ้ม เมื่อจับทารกนอนคว่ำทารกจะพยายามยกศีรษะขึ้นได้เล็กน้อย
- มอง วัตถุที่เคลื่อนไหวได้แต่อยู่ในสายตาเท่านั้น การมอง รอบ ๆ ตัวยังไม่มีความหมายเพราะการพัฒนายังไม่ดีพอ
การออก เสียงและด้าน ร่างกาย (Vocalization And Socialization)
- ออกเสียได้บ้างแต่อยู่ในลำคอ การยิ้ม ยังไม่มีความหมาย จะร้องให้เมื่อรู้สึกหิว หรือผ้าอ้อมเปียกชื้น ทารกจะนอนเสียเป็นส่วนใหญ่
- ถ้า จับนอนคว่ำจะใช้เท้าถีบที่นอน
- เมื่อ จับทารกยืนจะแสดง คานซ์ รีเฟลกซ์
-จะแสดง โทนิค เนค รีเฟลกซ์ ได้ดี
อายุ 2 เดือน
-น้ำหนัก 4.8 – 5.1 กิโลกรัม
-ความสูง 58 เซนติเมตร
-กระหม่อมหลังปิด
การเคลื่อน ไหว (Motor Control)
-จับนอน คว่ำจะยกศีรษะขึ้น
-โทนิค เนค และ มอโร รีเฟลกซ์ จะหายไป
-สามารถพลิกตะแคงตัวได้
-ถือของเล่นได้ไม่นานนัก
-มองตามแสงหรือวัตถุ
การออก เสียงและด้าน สังคม
-ยิ้มอย่างมี ความหมาย และจะ ยิ้มตอบเมื่อมารดายิ้มให้ก่อน
-สามารถเรียนรู้การเรียก ร้องความสนใจจากมารดา เช่น เมื่อร้องไห้จะมีผู้มาหาและสนองตอบความต้อง การของเขา เสียงของร้องไห้ จะแตกต่างไปตามเหตุผล และจะ ร้องไห้เมื่อหิวง่วงนอน เจ็บปวด
-เมื่อมีผู้คุยด้วยจะสนใจ
อายุ 3 เดือน
-น้ำหนักตัวประ มาร 5.5-6 กิโลกรัม
-ส่วนสูงประมาณ 59-60 เซนติเมตร
การเคลื่อน ไหว (Motor Control)
- จะมีการเคลื่อน ไหวมากขึ้น มีการเอื้อม มือไปหาวัตถุใกล้ ๆ แต่นิ้วมือยังไม่ทำงาน นับเป็นการเคลื่อนไหว เริ่มแรกที่แสดงถึงความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมมาก ถ้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้ช่วยทางด้านการเคลื่อน ไหวของทารกแรกเกิดแล้วจะปรากฏ ว่าลักษณะเอื้อมไปสู่สิ่งของจะไม่ปรากฏเป็นเวลาถึง 5 เดือน ในระยะเวลา 3 เดือนนี้ เงที่การปรับ ตัวของเล็นซ์นัยน์ ตาจะมีความสมบูรณ์ที่สุด
- สามารถชันคอได้ มีคนหยอกล้อด้วยจะยิ้มรับ
- เล่นมือและนิ้ว ได้
อายุ 4 เดือน
- น้ำหนักตัวประมาณ 6.2-6.3 กิโลกรัม
- ส่วนสูงประมาณ 61-63 เซนติเมตร
การเคลื่อน ไหว
- จะมีการกลิ้ง ตัวจากด้านหลังมาด้านหน้า พลิกตะแคงตัวได้คล่อง
- สามารถชันคอได้ คอแข็ง เมื่อจับนั่ง
- จับของใส่ ปากได้
การออก เสียงและด้าน สังคม
- หัวเราะเสียงดัง ยิ้มตอบเมื่อมีผู้ยิ้มให้
- ชอบคุยอ้อแอ้ และมี ความสุขเมื่อมีผู้มาคุยด้วย
- ต้องการความสนใจจากสมาชิกในครอบครัว
- มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เช่น คุยและร้องไห้
อายุ 5 เดือน
- น้ำหนักจะเป็น 2 เท่าของแรก เกิด ประมาณ 6.3 – 7.0 กิโลกรัม
- ความสูงประมาณ 63-65 เซนติเมตร
- จับทารกให้นั่งตักได้
- ถือขวดนมดูดเองได้
- พลิกคว่ำได้
- เล่นของเล่นมากขึ้น
การออก เสียงและด้าน สังคม
- ชอบออกเสียงอ้อ ๆ แอ้ ๆ
- จะร้องไห้แสดงความไม่พอใจ
- เมื่อไม่ได้ของตาม ต้องการจะร้อง และดิ้น
- จะแยกออกว่าผู้ใดคุ้นเคยหน้าและไม่คุ้นหน้า
อายุ 6 เดือน
- น้ำหนักตัวประมาณ 7.1 – 7.2 กิโลกรัม
- ความสูงประมาณ 65-66 เซนติเมตร
การเคลื่อน ไหว
- ทารกจะหมุนได้รอบตัว เริ่มคืบและนอน คว่ำได้
- เอื้อมมือสัมผัสสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวได้
- ชอบถือและเขย่า ของเล่นที่มีเสียงดัง
การออก เสียงและด้าน สังคม
- จะมีการแสดงออกของอารมณ์ รื่นเริง เช่น หัวเราะหรือทำเสียงอ้อ แอ้ จะร้องไห้แสดงความไม่พอใจ
- เริ่มรู้จักคนแปลกหน้า แต่จะเกิดความกลัวคนแปลกหน้า
- อยากให้บุคคลที่ตนรู้จักมาอยู่ใกล้ ๆ
อายุ 7 เดือน
การเคลื่อน ไหว
- สามารถนั่งเองได้ตามลำพังแต่นั่งได้ประเดี๋ยวเดียว
- ชอบเล่นเท้าและจับเท้าใส่ปาก
- เอื้อมมือไปจับของเล่นและมือด้วยมือเดียว
- เปลี่ยนมือกันถือของได้
- พลิกคว่ำพลิกหงายตัวได้เอง
การออก เสียงและด้าน สังคม
- ชอบทำเสียง อ้อ ๆ แอ้ ๆ
- เวลาร้องไห้ออกเสียง “แม – แม – แม”
อายุ 8 เดือน
การเคลื่อน ไหว
- นั่งได้เองและนาน
- คืบได้โดยดันตัวไปข้างหน้าด้วยแขนทั้ง 2 ข้าง
- ใช้นิ้วได้อย่างเต็มที่ โดยใช้นิ้วมือหยิบวัตถุ
- หัดป้อนอาหารตนเองได้โดยใช้ช้อน
การออก เสียงและด้าน สังคม
- อารมณ์เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
- แสดงความรักด้วยการโอบกอด
อายุ 9 เดือน
การเคลื่อน ไหว
- สามารถนั่งได้และมีการประสาน งานของกล้ามเนื้อได้ดี
- ใช้มือถือขวดนมใส่ปากได้ สามารถดึงหัวนมเข้าและออกจากปากได้ตามความ ต้องการ
- แสดงความถนัดของมือ ข้างใดข้างหนึ่ง
- คลานได้ดีโดยใช้แขนและขาส่วนลำตัวขนานกับพื้น ห้อง เด็กบางคน จะคลานไม่ได้ ถ้าเกิดการเจ็บ ป่วย แต่เด็กบาง คนจะคลานได้ตั้งแต่อายุ 4 เดือน แต่เด็กส่วน มากจะคลานได้เมื่อประมาณ อายุ 9 เดือน
- สามารถใช้มือยึดเก้าอี้และโต๊ะได้
การออก เสียงและด้าน สังคม
- แสดงการออก เสียงแบบด้วยการพูด จ๊ะ – จ๋า และออก เสียงอื่น ๆ
จะสนองตอบต่อผู้ที่แสดงความไม่พอใจโกรธเมื่อถูกดุจะร้องไห้
อายุ 10 เดือน
การเคลื่อน ไหว
- นั่งเป็นเวลานาน ไม่ชอบนอน ยกเว้นเมื่อง่วงนอน
- หัดเดินเมื่อมีคนช่วยจูง สามารถยืนเกาะได้ถ้ามีสิ่งยึด
- สามารถคลานได้อย่างรวดเร็ว และเกาะ เดินตามลูกกรงเตียงได้
สามารถเก็บและจับวัตถุมาถือได้ และใช้ นิ้วมือแหย่หรือเคาะเล่นได้
-สามารถหยิบขนมหรืออาหารอื่น ๆ เข้าปากได้
-สามารถใช้นิ้วและนิ้วหัวแม่มือได้
การออก เสียงและด้าน สังคม
-พูดได้ 1 คำหรือ 2 คำ ตามคนเลี้ยง
-สนใจเมื่อมีผู้เรียกชื่อตนเอง
-เล่นเกมส์ง่าย ๆ ได้ โบกมือไปมาได้
อายุ 11 เดือน
การเคลื่อน ไหว
-ยืนได้โดยจับมือมารดา หรือหัดยืนด้วยตนเอง
-สามารถนั่งเล่นตามลำพังได้เป็นเวลานานๆ
อายุ 12 เดือน
-น้ำหนักจะเป็น 3 เท่าของแรก เกิด ประมาณ 9 กิโลกรัม (21-22 ปอนด์)
-สูง 29 นิ้ว หรือประมาณ 71-74 เซนติเมตร
-เส้นรอบศีรษะกับหน้าอกจะเท่ากัน
-มีฟัน 6 ซี่
-ชีพจร 100-140 ครั้งต่อนาที
-การหายใจ 20-40 ครั้งต่อนาที
การเคลื่อน ไหว
-ยืนได้ตามลำพัง
-เดินได้เมื่อมีคนจูงเดิน เกาะเก้าอี้เดินได้
-จับดินสอสีและขีดบนกระดาษได้
การออก เสียงและด้าน สังคม
-สามารถพูดได้ 2 คำติดต่อกัน เช่น “พ่อ พ่อ” “แม่ แม่”
-จำชื่อตนเองได้
-ชอบพูดคุยคนเดียวหรือกับคนที่อยู่ใกล้ตัวเขา
-เข้าใจคำห้ามต่าง ๆ เช่น อย่า, ไม่
-สนใจต่อตนเองเท่านั้น
-แสดงความอิจฉา พอใจโกรธ
Source: http://www.popcare.com
การเจริญเติบโตของเด็กแรกเกิด-1เดือน
วัยแรกเกิด (The Newborn)
หมายถึงทารกที่คลอด ใหม่จนถึง 1 เดือน หรือ 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นวัยที่มีความสำคัญมากของมนุษย์และเป็นวัยที่เริ่มเรียนรู้ที่จะเข้าใจหรือไม่ ไว้ ใจในสภาพแวดล้อม การเจริญเติบโตใน วัยทารกนี้มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การเจริญเติบโตและการพัฒนา ต่างๆ ซึ่งจะกล่าวเรียงลำดับดังนี้
การเจริญเติบโตทาง ร่างกาย
น้ำหนัก (Weight) เด็กคลอด ครบกำหนดจะมีน้ำหนักแรกเกิดของเด็กไทย เฉลี่ย 2500-3000 กรัม ในระยะ 2-3 วันแรกของชีวิต น้ำหนักจะลดลงได้ประมาณ 5-10 % ของน้ำหนักตัวแรกเกิด ทั้งนี้เนื่องจากทารกได้อาหารน้อย มีการเสีย น้ำออกจากร่างกายมากทั้งทางอุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อ และการหายใจ และจะ เริ่มขึ้นเมื่ออายุได้ 3 วันไปแล้ว และจะ ขึ้นเท่าน้ำหนักแรกเกิดเมื่อ อายุประมาณ 7-10 วัน ต่อไปน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ใน 3 เดือนแรกจะขึ้น ประมาณวันละ 1 ออนซ์ หรือ 30 กรัม
Special senses
- Touch เด็กจะมีความ รู้สึกต่อการสัมผัส โดยเฉพาะที่ปาก ลิ้น หู หน้าผาก เด็กแรกเกิดปกติจะ respond ต่อการอุ้ม ถ้าเด็กไม่ งับหัวนมเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าอาจมี brain damage
- Sight ตาจะเป็นสีน้ำเงินหรือเทา เมื่อแรกเกิดและจะ เปลี่ยนเป็นสีปกติเมื่ออายุ 3-6 เดือน การเคลื่อน ไหวของตา จะไม่สอดคล้องกัน ตาจะกลอกไปมาเป็นการยากที่จะทราบว่าเด็กมอง เห็นหรือไม่ pupil จะ react ต่อแสงไม่ ชอบแสงสว่างจ้าและยังไม่มีน้ำตาปรากฏชัดเจน กว่าอายุ 3-4 สัปดาห์ ถ้าตาเปิดได้ครึ่งเดียว บวม มีหนองไหลอาจเกิดการระคาย เคืองจาก AgNO3 หรือมีการติด เชื้อเกิดขึ้น
- Hearing เด็กจะไม่ได้ ยินจนกว่าจะร้องไห้ครั้งแรก การทดสอบ ว่าเด็กได้ ยินหรือไม่ก็โดยการสั่น กระดิ่งถ้าเขาได้ย ินจะมี activity เพิ่มขึ้น จะมีการเคลื่อน ไหวแขนขา และตา ปกติจะ Respond ต่อเสียงประมาณอายุ 3-7 วัน
- Taste จะรู้รสได้เป็็นอย่างดี และมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว จะยอมรับอาหารเหลวรสหวาน จะไม่ยอมรับอาหารที่มีรสเปรี้ยวหรือขม
- Smell จะได้ กลิ่นนมแม่และหัน เข้าหาหัวนม
Skin sensations
เด็กจะมีความ รู้สึกต่อการสัมผัส , ความกดดัน, อุณหภูมิ, ความเจ็บปวด ได้ตั้งแต่แรกเกิด
- organic sensation เด็กทารก จะมีความรู้สึกต่อ ออร์แกนิค สติมูเลชั่น เช่น การหิว กระหายจะเป็นสาเหตุปกติที่ทำให้เด็กร้อง เด็กที่ อายุประมาณ 2-3 สัปดาห์ อาจจะมีการปวด ท้องเนื่องจากมีลมในลำไส้มากได้
เด็กแรกเกิดส่วน ใหญ่จะนอนวันละประมาณ 15-20 ชม. จะตื่นเป็นระยะเวลาสั้นๆ เมื่อได้รับการกระตุ้นจากภายใน เช่น หิว เจ็บปวด หรือกระตุ้นจากภายนอก เช่น เปียกแฉะ เป็นต้น เมื่อเด็กโต ขึ้นก็จะตื่นนานขึ้น
ภูมิต้านทานโรค
- แอนติบอดี้ ของโรค ต่าง ๆ จะผ่านทารก ไปยังเด็กระหว่าง ที่เด็กอยู่ ในครรภ์มารดา เช่น ฝีดาษ, คางทูม, คอตีบ และหัด ถ้ามารดาเคยเป็นโรคดังกล่าวมาก่อน ภูมิต้านทานที่ได้รับจากมารดานี้จะอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์จนถึงหลายเดือน เด็กแรกเกิดอาจเกิดโรคสุก ใส และ ไอกรนได้ เนื่องจากมีภูมิต้านทานโรคเพียงเล็กน้อย ในเด็กแรกเกิดจะเกิดการติด เชื้อลุกลามและมีโรคแทรกซ้อนได้ง่าย
พัฒนาการทางด้านจิตใจและอารมณ์
เด็กแต่ละคนมีลักษณะพื้นฐานทางนิสัยที่ติด ตัวมาตั้งแต่เกิดเป็นแบบ ประจำตัวของแต่ ละคนไม่เหมือนกัน แม้ในพี่น้องท้องเดียวกันก็ยังมีนิสัยต่างกันไป การเจริญเติบโตทาง จิตใจเป็นผลเนื่องมาจากการเลี้ยงดูอบรมเด็กได้รับจากบิดามารดาหรือสภาพแวด ล้อม มารดาจึงเป็นผู้ที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับเด็กทุก วัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กตั้งแต่แรกเกินจนถึง 6 ขวบ จึงเป็นวัยที่อุปนิสัยใจคอเริ่มก่อตัวฝังแน่นอยู่ในใจของเด็ก เด็กต้อง การความรักเท่า ๆ กับอาหาร เด็กเจ็บ ป่วยเพราะถูกทอดทิ้งก็มีมากบางคนป่วยเพราะต้องการความรัก ความเอาใจใส่จากแม่ หรือเพราะแม่ให้ไม่เพียงพอ การพัฒนา ทางด้านอารมณ์ จะทำให้เราเห็นการสนองตอบที่ไม่เหมือนกัน เมื่อเด็กก้าว จากวัยหนึ่งมาสู่วัยหนึ่ง การเจริญเติบโตและพัฒนาการทาง จิตใจและอารมณ์ ที่ปกติจะนำไปสู่ความเป็นผู้มีบุคลิกดี คือเป็นผู้ที่มีอารมณ์มั่นคง เป็นผู้ใหญ่เพียงพอ รู้ตัวเมื่อทำอะไรผิดพลาด อยู่ในสังคมได้ด้วยความสุข และเป็น ตัวของตัว เอง
Source: http://www.popcare.com